ผ้าไหมยกดอกลำพูน.โกอินเตอร์

ผ้าไหมยกดอกลำพูน.....โกอินเตอร์
ผ้าไหมเป็นผ้าชนิดพิเศษที่ทำจากใยของไหม มีความสวยงามแวววาว มีคุณสมบัติพิเศษคือเหนียวคงทนจึงต้านแรงดึงดูดได้สูง เนื้อผ้าไหมมีความหนาแน่นเป็นเงามันและมีประกายสวยงามไม่นำความร้อนจึงทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกสบายทั้งฤดูร้อนและฤดูหนาว ซึ่งถ้าจะกล่าวถึงผ้าไหมในประเทศไทย เชื่อว่าหลายคนคงจะนึกถึงความประณีต สวยงาม ความมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น โดยเฉพาะผ้าไหมยกดอกลำพูน ถือเป็นงานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านของชาวลำพูน มีความงดงามประณีตในการใช้ฝีมือ โดยเฉพาะศิลปะการทอผ้ายกดอกที่เนรมิตลายดอก และเครือเถาที่นูนเด่น ทำให้ผ้าไหมยกดอกลำพูนเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายจากอดีตถึงปัจจุบัน
ย้อนหลังกลับไป 1,343 ปี จังหวัดลำพูนเคยเป็นที่ตั้งของ เมืองหริภุญไชย ในสมัยพระนางจามเทวี ธิดาแห่งกษัตริย์เมืองละโว้ ด้วยเหตุนี้จังหวัดลำพูน จึงอุดมไปด้วยมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมแบบล้านนามากมาย และในปีพุทธศักราช 2348 ซึ่งเป็นยุคที่ถูกขนานนามว่า ยุคเก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง เจ้าเมืองเชียงใหม่มีการกวาดต้อนชาวไตลื้อจากเมืองยอง สิบสองปันนา เข้ามาปักหลักที่เมืองลำพูน ซึ่งในการอพยพครั้งนั้นมีการนำวิชาแขนงต่าง ๆ ติดตัวมา ทั้งการปั้นหม้อ แกะสลัก ทำเครื่องเขิน รวมทั้งผ้าทอที่เป็นเอกลักษณ์ของชนชั้นสูงของชาวยอง และนั่นถือเป็นจุดกำเนิดการของการทอผ้าในเมืองหริภุญไชย ซึ่งในยุคเริ่มแรก ความรู้ด้านการทอผ้าไหมยกดอกจะจำกัด เฉพาะขุนนางชั้นสูง ก่อนถูกเผยแพร่สู่ภายนอกในสมัยของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี พระธิดาในพระเจ้าอินทรวิชยานนท์ ผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 7 และทรงเป็นพระราชชายาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงถ่ายทอดความรู้การทอให้กับเจ้าหญิงส่วนบุญ และเจ้าหญิงลำเจียก ชายา และพระธิดาผู้ครองนครลำพูนองค์สุดท้าย นี่ถือเป็นอีกหนึ่งของจุดเริ่มการฟื้นฟู การค้นคิดลวดลายอันวิจิตร ทำให้นับร้อยปีที่ผ่านมา ลำพูนได้กลายเป็นศูนย์กลางการทอผ้าไหมยกดอกนำไปสู่การเป็นมรดกทางหัตถกรรมที่สืบทอดนับรุ่นสู่รุ่น จนถึงปัจจุบัน
ในสมัยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ผ้าไหมยกดอกลำพูน ถือเป็นจุดเฟื่องฟูสูงสุด เมื่อทรงมีพระราชเสาวนีย์ ให้นำผ้าไหมยกดอก มาตัดเย็บเป็นชุดประจำชาติ โดยนำมาประยุกต์ให้สามารถใช้ได้ในหลากหลายโอกาส ไม่ว่าจะเป็น ชุดไทยเรือนต้น ชุดไทยจักรพรรดิ ชุดไทยดุสิต ชุดไทยจิตรลดา ชุดไทยอัมรินทร์ ชุดไทยบรมพิมาน ชุดไทยจักรี และชุดไทยศิวาลัย
กว่าจะมาเป็นผ้าไหมยกดอกลำพูนที่มีความงดงามนั้นต้องผ่านขั้นตอนหลายกระบวนการด้วยกัน เริ่มตั้งแต่นำรังไหมผ่านความร้อนก่อนสาวมือแบบดั้งเดิม หรือปัจจุบันมีการประยุกต์ใช้เครื่องเพื่อความสะดวกก่อนจะมาถึงกระบวนการฟอกย้อมด้วยสีธรรมชาติหรือสีเคมีที่ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม
การกรอเส้นเข้าม้วน เพื่อเตรียมเส้นไหมสำหรับการทอจุดนี้ต้องอาศัย เวลา ความละเอียด และความชำนาญของผู้ทำเป็นอย่างมาก เพื่อนำไปสู่การคัดลายก่อนการทอด้วยกี่ทอผ้า หัวใจสำคัญของไหมยกดอก คือ การเก็บตะกอย่ำ หมายถึง การทอโครงสร้างผ้าแบบลายขัด ส่วนตะกอเขาดอก คือ การทำให้เกิดลวดลายอันวิจิตรตามแต่ใจผู้จินตนาการ ในอดีตจะพบ ว่าลวดลายที่เห็นล้วนถูกคัดลอกจากลายปูนปั้นตามโบราณสถานสำคัญๆ ทั้งลายดอกแก้ว , ลายดอกพิกุล , ลายพิกุลซ้อน ของวัดพระยืน ที่สร้างเมื่อพุทธศักราช 1213 หรือลายโบราณอย่าง ลายเทวดา , ลายพันธ์พฤกษา , ลายนาคเกี้ยว ที่ปรากฏอยู่รอบสถูปบรรจุอัฐิของพระนางจามเทวี แห่งวัดจามเทวี ที่สร้างขึ้นเมื่อพุทธศักราช1276 ทั้งหมดถือเป็นลายโบราณต้นแบบ และเป็นแหล่งที่มาของลายผ้าไหมยกดอกลำพูนทั้งสิ้น ปัจจุบันลวดลายของไหมยกดอก ถูกจิตนาการไปอย่างกว้างไกล ตามแต่ใจของผู้ค้นคิดทั้งลวดลายดอกไม้นานาพันธุ์ สัตว์สวยงามนานาชนิด หรือแม้แต่ลวดลายหายาก อย่าง ลายดอกฝิ่น ทั้งหมดถูกนำมาผสมผสาน มีการใช้ดิ้นเงิน และดิ้นทองเป็นเส้นใยพิเศษ บรรจงสรรสร้างเป็น ผืนผ้าไหมที่งดงามแปลกตา อีกทั้งยังถูกนำมาประยุกต์แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อเพิ่มมูลค่า และความสวยงาม สร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้แก่ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับผ้าไหมยกดอกลำพูนอีกทางหนึ่ง
เพื่อคงเอกลักษณ์ผ้าไหม และรักษาภูมิปัญญาในการทอผ้าไหมยกดอกลำพูน องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน โดยความร่วมมือของสถาบันหม่อนไหมแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และกลุ่มทอผ้าไหมยกดอกลำพูนในพื้นที่ ได้ร่วมกันยื่นเรื่องขึ้นทะเบียนกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา ให้ ผ้าไหมยกดอกลำพูน เป็น สินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI (Geographical Indication ) และต่อมากรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ประกาศให้ผ้าไหมยกดอกลำพูนเป็นผ้าไหมประเภทแรกของโลก ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI ในประเทศไทย เมื่อเดือนตุลาคม 2550
หลังผ่านเกณฑ์ 4 ข้อคือ มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน ความมีเอกลักษณ์ ความมีชื่อเสียง และภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยมีเครื่องหมาย GI เป็นสิ่งการันตีผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ว่าได้ผลิตจากถิ่นต้นกำเนิด ในขอบเขตของจังหวัดลำพูนเท่านั้น ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปีของการขึ้นทะเบียนGI ส่งผลให้ผ้าไหมยกดอก ของ จังหวัดลำพูนมีแนวทางการผลิตที่ได้คุณภาพ มีมาตรฐานเดียวกันครอบคลุมทั้งจังหวัด และเป็นการยกระดับหัตถกรรมผ้าทอมือพื้นเมืองอันเลื่องชื่อ สู่สายตาชาวโลก โดยเฉพาะกลุ่มงานหัตถกรรมที่ทำกันมาก ในเขตอำเภอเมือง และอำเภอทุ่งหัวช้าง ทำให้มีการกระจายรายได้จากผู้ประกอบการผ้าไหมยกดอกลำพูน สู่ชุมชนชาวบ้าน และชาวเขาพื้นเมืองที่อาศัยตามชนบท ช่วยเสริมรายได้นอกเหนือจากภาคเกษตรกรรม ที่สำคัญการรวมกลุ่ม การทำกิจกรรม ยังเป็นการเสริมความเข้มแข็งแก่ชุมชนในประเทศอีกทางหนึ่ง และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ให้ชาวต่างชาติได้ทราบถึงความงดงาม และภูมิปัญญาการทอผ้าไหมยกดอกลำพูน สถาบันหม่อนไหมแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูนได้นำผ้าไหมยกดอกลำพูนเข้าร่วมโรดโชว์ ในงาน ไหมไทย สายใยแผ่นดิน (Thai Silk : Culture Heritage) ในวันที่ 18-20 พฤษภาคม 2552 ที่ผ่านมา ณ องค์การยูเนสโก สำนักงานใหญ่ กรุงปารีส ประเทศสาธารณรัฐฝรั่งเศส อันจะนำมาซึ่งประโยชน์แก่ผู้ประกอบการผ้าไหมยกดอกลำพูน ผู้ทอผ้าไหมยกดอกลำพูน ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องกับผ้าไหมยกดอกลำพูน และประชาชนชาวจังหวัดลำพูนต่อไป