1. แกนม้วนด้ายยืน มีลักษณะเป็นแกนอยู่ด้านหลังของเครื่องทอ ใช้สำหรับม้วนด้ายยืน และปรับความตึงหย่อนของด้ายยืน |
2. ตะกอ มีลักษณะเป็นซี่ลวด หรือซี่โลหะมีรูตรงกลาง ใช้สำหรับร้อยด้ายหรือสืบด้ายยืน ไว้ทำลวดลาย |
3. กรอบตะกอ ใช้ยึดตะกอในหูกแต่ละอันเป็นชุดๆ เครื่องทอ 1 เครื่องจะมีหรอบตะกออย่างน้อย 2 ชุด ทำหน้าที่ยกเส้นด้ายยืนขึ้นและลงอย่างละอันเพื่อสอดด้ายพุ่งให้เกิดเป็นการขัดในการทอ |
4. กระสวยด้ายพุ่ง ใช้เพื่อบรรจุด้ายพุ่งและนำด้ายพุ่งผ่านช่องว่างกระทบด้วยฟืมหรือเครื่องกระทบด้ายพุ่ง เพื่อให้เส้นด้ายพุ่งและเส้นด้ายยืนขัดกัน |
5. แกนม้วนผ้าทอ มีลักษณะเป็นแกนอยู่ด้านหน้าของเครื่องทอ ใช้สำหรับม้วนผ้าที่ทอแล้วให้ติดอยู่ทางด้านหน้าของเครื่องทอ |
กระบวนการทำงานของเครื่องทอ |
1. สับตะกอให้เส้นด้ายยืนแยกตัวออกให้เกิดช่องว่าง เพื่อให้สอดด้ายพุ่งผ่าน |
2. สอดกระสวยด้ายพุ่งผ่านช่องว่าง |
3. กระทบด้วยฟืมให้เส้นด้ายพุ่งชิดติดกันเรียงเป็นเนื้อผ้า |
4. เก็บหรือม้วนผ้า เมื่อทอผ้าได้ความยาวจำนวนหนึ่งแล้วม้วนเก็บในแกนม้วนผ้า โดยผ่อนเส้นด้ายยืนแล้วจึงม้วนผ้าเข้าแกน |
เทคนิคการทอ |
ผ้าทอพื้นเมืองของไทย มีเทคนิคการทอที่แตกต่างกันในแต่ละภาคแต่ละท้องถิ่น |
มัดหมี่ |
มัดหมี่เดิมเป็นภาษาอินโดนีเซีย หมายถึง ลวดลายที่ปรากฏบนผืนผ้าหลังจากการมัดลายที่เส้นด้ายพุ่งด้วยเชือกก่อนนำไปย้อมสี โดยปกติจะนิยมมัดลวดลายที่เส้นด้ายพุ่ง ยกเว้นพวกไทยวนที่ อำเภอแม่แจ่ม มีกรรมวิธีการทอผ้าซิ่นแบบลัวะทำให้เกิดลวดลายที่เส้นด้ายยืนก่อนนำไปทอเป็นผืนผ้า มัดหมี่มีเทคนิคการทอที่ต่างกันแต่ละท้องถิ่นและมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป เช่น มัดหมีซิ่นไหมลาวครั่งจากพิจิตร ลายมัดก่าน หรือ คาดก่าน ของชาวไทยลื้อเมืองน่าน |
จก |
จก หรือ ผ้าตีนจก เป็นการทอที่ใช้เทคนิคเพิ่มเส้นด้ายพุ่งพิเศษเข้าไปเป็นช่วงๆ ไม่ติดต่อกันตลอดทั้งหน้าผ้ากรรมวิธีคือ ใช้ไม้ปลายแหลม ขนเม่นหรือนิ้งมือยกหรือจกเส้นด้ายยืนแล้วสอดเส้นด้ายพุ่งเข้าไป บางถ้องถิ่นจะคว่ำหน้าผ้าลงกับกี่ เพื่อให้สะดวกในการทอ |
ขิด |
ขิด เป็นเทคนิคการทอโดยการเพิ่มเส้นด้ายพุ่งพิเศษคล้ายกับจกแต่ขิดจะทำลายติดต่อกับตลอดหน้าผ้า โดยไม้ค้ำสอดใต้เส้นด้ายยืน หรือใช้เขาเก็บขิดแขวนไว้ในแนวดิ่งเหนือเส้นด้ายยืน ไม้เก็บขิดจะใช้ทีละอัน อันที่ใช้แล้วจะนำไปเก็บไว้ด้านล่าง |
ยกดอก |
เป็นเทคนิคการทำลวดลายโดยใช้เขาหรือตะกอพิเศษมากกว่า 2 ตะกอ จะไม่เพิ่มเส้นด้ายเข้าไปในผืนผ้าเช่นเดียวกับผ้าจก หรือขิด มีกรรมวิธีคล้ายกันคือเป็นการเพิ่มเขาหรือตะกอแต่ลวดลายที่เกิดเป็นลวดลายที่เกิดจากทอโดยการยกตะกอไม่ได้เกิดจากเส้นด้ายที่เพิ่มเขาไป แต่จะมีเพียงบางกลุ่มที่มีการเพิ่มเส้นด้ายเข้าไปรวมเทคนิคการทอทั้ง จก ขิด และยกดอกอยู่ด้วยกัน |
เกาะ หรือ ล้วง |
เกาะ เป็นการใช้เส้นด้ายพุ่งหลายสี เป็นช่วงๆ ทอด้วยเทคนิคธรรมดาโดยการเกี่ยวและผูกเป็นห่วงรอบด้ายเส้นยืนเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับเนื้อผ้า เป็นลวดลายที่มีความละเอียดและซับซ้อน รู้จักกันในกลุ่มคนตระกูลไท ยกเว้นไทลื้อ ในปัจจุบันเรียกว่า ล้วง และรู้จักกันในชื่อ "ผ้าลายน้ำไหล |
มุก |
เทคนิคการทอที่นิยมใช้มากในปัจจุบัน โดยการเตรียมเส้นด้ายยืนพิเศษไว้ตอนบนเหนือเส้นด้ายยืนธรรมดาที่ขึงไว้ ลวดลายเกิดจากเขาที่ขึงไว้เหนือเส้นด้ายยืนพิเศษ คล้ายกับจกและขิด |
บทที่ 2 ผลิตภัณฑ์จากผ้าทอมือ |
ในปัจจุบันคนไทยให้ความสำคัญกับภูมิปัญญาชาวบ้านมากขึ้น หันมาบริโภคสินค้าไทย นิยมแต่งกายด้วยผ้าไทย ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากผ้าทอมือในโครงการส่งเสริมอาชีพงานศิลปวัฒนธรรมด้านต่างๆ โดยเฉพาะผ้าทอมือของไทยมีเทคนิคการทอลวดลายที่มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นต่างๆ มีเสน่ห์ในตัวเอง เป็นการสร้างสีสรรให้กับงานฝีมือของไทย เลือกซื้อหาได้ง่ายไม่น้อยไปกว่าผ้าทอในระบบอุตสาหกรรม ดังเห็นได้จากภาพที่ 14 ในร้านมีสีสันมากมายให้เลือกใช้ได้ตามความต้องการ |
ผ้าทอมือ เป็นผ้าทอพื้นบ้านของไทยส่วนใหญ่จะใช้เส้นใยจากธรรมชาติทั้งฝ้ายและไหม ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวชื่นชมและหลงไหลเสน่ห์ผ้าทอมือของไทย ดังเห็นได้จากการแสดงแฟชั่นโชว์ ผ้าทอพื้นเมืองไทยในภาคต่างๆ การแสดงผลิตภัณฑ์จากผ้าทอมือภาคต่างๆ มีผู้ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยทั่วไปการทำผลิตภัณฑ์จากผ้าทอมือเป็นงานที่ใช้ฝีมือในการทำ เพราะส่วนใหญ่จะใช้เศษผ้าที่เหลือจากการตัดเย็บเสื้อผ้าหรือผ้าที่เหลือจากการใช้ประโยชน์อื่นๆมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ เนื่องจากมีต้นทุนในการผลิตสูงกว่าผ้าใยสังเคราะห์ แต่บางท้องถิ่น เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ผ้าฝ้ายทอมือเป็นที่นิยมทำผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้าน เช่น ผ้าฝ้ายทอมือเนื้อหนาไว้บุเก้าอี้ ผ้าไหมทอมือนำมาทำเป็นผ้าม่าน หมอนจากผ้าฝ้ายย้อมสีธรรมชาติ เป็นต้น |
การออกแบบผลิตภัณฑ์จากผ้าทอมือ |
การออกแบบผลิตภัณฑ์จากผ้าทอมือมีหลักการดังนี้ |
1. สำรวจตลาดผู้บริโภคและความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์จากผ้าทอมือ เช่น สำรวจกลุ่มชุมชนที่ทอผ้าพื้นเมือง ศึกษาหาจุดเด่นของลวดลายการทอแต่ละท้องถิ่น แล้วนำมาประยุกต์ให้เข้ากับความนิยมในปัจจุบัน เช่น นำผ้ายกดอกที่มีลวดลายเก่าแก่มาผลิตเป็นกระเป๋าถือที่ดูหรูหราและเข้ากับสมัยนิยมในปัจจุบันดังในภาพ |
2. แหล่งวัตถุดิบได้จากผ้าทอพื้นเมืองในท้องถิ่นต่างๆ อาจจะได้จากเศษหรือผ้าแถบที่ไว้สำหรับการตกแต่งเฉพาะ และนำมาออกแบบ |
3. กำหนดรูปแบบและขนาดของผลิตภัณฑ์ เช่น กระเป๋า กล่อง กรอบรูป ที่รองแก้ว ที่รองจาน ผ้าคลุมโต๊ะ ผ้าม่าน เป็นต้น |
4. เตรียมผืนผ้าและเลือกชนิดของผ้าให้เหมาะสมกับชิ้นงาน เช่น ผ้าไหมไว้สำหรับทำกล่องใส่เครื่องประดับหรือของมีค่า เพราะผ้าไหมจะมีความมันวาวที่ผิวผ้ามีความสวยงามและมีคุณค่าในตัวเอง ส่วนผ้าฝ้ายทอมือนิยมทำเป็นหมอนหรือผ้ารองจานสำหรับโต๊ะอาหารไว้ตกแต่งบ้าน เพราะผ้าฝ้ายเมื่อมองดูแล้วไม่น่าเบื่อ (ดู classic) เป็นต้น ดังแสดงในภาพที่ 19-20 นอกจากนั้นควรคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบน่าสนใจ และเป็นที่ต้องการของกลุ่มเป้าหมาย |
รูปแบบของผลิตภัณฑ์ผ้าทอมือ |
ผ้าทอพื้นเมืองของไทยสามารถนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้มากมายหลายชนิดเช่น กรอบรูป กระเป๋า ถุงใส่ของ กล่องแบบต่างๆ เป็นต้น |
|
การบรรจุภัณฑ์ |
ผ้าทอมือจัดเป็นสินค้าประเภทงานฝีมือที่ต้องการความละเอียดอ่อนและใช้การบรรจุภัณฑ์ เป็นขั้นตอนที่ช่วยให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น จุดประสงค์หลักคือ เพื่อป้องกันสินค้าไม่ให้เกิดชำรุดหรือเสียหาย |
การบรรจุภัณฑ์ ต้องดึงดูดใจลูกค้าคือต้องมีจุดเด่นเป็นพิเศษ เช่น ป้ายการดูแลรักษา แหล่งที่ผลิต เป็นต้น เพื่อบอกถึงที่มาและคุณภาพของสินค้าเพื่อให้ลูกค้ามีความต้องการที่จะซื้อ ตัวอย่างการบรรจุสินค้า เช่น ผ้าทอมือใช้ถุงพลาสติกใสเพื่อไม่ให้เปื้อนฝุ่น กระเป๋าผ้าไหมใส่กล่องที่มีพลาสติกใสให้เห็นสินค้าในกล่อง เป็นต้น |
ผู้ประกอบอาชีพผ้าทอมือส่วนใหญ๋ ไม่คำนึงถึงเรื่องบรรจุภัณฑ์มากนัก แต่ถ้ามีผู้ให้ความรู้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอมือ การบรรจุภัณฑ์ให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างสินค้าที่ไม่มีการบรรจุภัณฑ์ และสินค้าที่มีการบรรจุภัณฑ์ ที่มีความแตกต่างกัน ดังนั้น จึงควรหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องบรรจุภัณฑ์เพื่อให้สินค้าดูมีค่า มีราคา น่าใช้ เป็นทีต้องการของลูกค้าที่พบเห็น |
|
บทที่ 3 การจัดการธุรกิจผลิตภัณฑ์จากผ้าทอมือ |
แนวทางการจัดการธุรกิจผลิตภัณฑ์จากผ้าทอมือมีขั้นตอนดังนี้ |
1. ศึกษาโอกาสการตลาดและการผลิต ได้แก่ กลุ่มเป้าหมาย รสนิยมลูกค้า ความต้องการใช้สินค้า กำลังซื้อ โดยให้หาข้อมูลเพื่อศึกษากลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าโดยตรง เช่น การออกร้านแสดงสินค้าตามสถานที่ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยตรงเพื่อการแนะนำประชาสัมพันธ์สินค้า เป็นต้น |
2. การวางแผนการตลาดและการผลิต การจัดโครงการระบุวิธีการและระบบงานการตลาด และการผลิตสินค้าโดยต้องอาศํยเกณฑ์ในเรื่อง ความต้องของตลาด ทำเลที่ตั้ง วัตถุดิบ บุคลากรที่เหมาะสมกับงาน รวมทั้งระบบการบริหารงานในร้าน เช่น เงินทุมหมุนเวียนภายในร้าน การทำบัญชี การเขียนโครงการเพื่อขอเงินกู้สมทบ เป็นต้น |
3. การจัดตั้งระบบการตลาดและการผลิต เพื่อการทำงานที่ชัดเจนอย่างมีระบบ ควรทำความเข้าใจเรื่องการซื้อขายกับลูกค้า การจัดส่ง ถ้าเป็นการผลิตแบบชุมชนโดยปกติจะมีผู้ไปรับสินค้าออกมาจำหน่าย ควรตกลงกับลูกค้าว่ามีเงื่อนไขในการซื้อขายอย่างไร |
4. การดำเนินการตลาดและการผลิต เป็นขั้นตอนการผลิตสินค้าจริงเพื่อให้ได้ตามคำสังลูกค้า ต้องคำนึงถึงวัตถุดิบที่ใช้ การทำงาน การแก้ไขปัญหา ตลอดจนพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อรองรับการสั่งสินค้า |
5. การประเมินการตลาดและการผลิต เป็นการทบทวนการทำงานย้อนหลังเพื่อเก็บข้อมูลข้อบกพร่องของสินค้าทั้งด้านการตลาดและการผลิต เพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ |
นอกจากการหาแนวทางการผลิตแล้ว ยังต้องมีการคำนวณต้นทุน การตั้งราคาขาย เพื่อให้อยู่ในจุดคุ้มทุนในการผลิต การทำบัญชีเพื่อให้ข้อมูลในการซื้อขาย การตลาดทั้งการผลิต การจำหน่าย คุณภาพสินค้า การโฆษณาประชาสัมพันธ์ ที่ผู้ผลิตควรศึกษาและหาแนวทางที่เหมาะสม และเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมงานฝีมือและสินค้าไทยให้มีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค |
แนวโน้มการตลาด |
ผ้าทอมือของไทยเป็นสินค้าที่มีอิทธิพลทั้งด้านแฟชั่น การตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในตลาดทั่วโลก แต่ยังมีการพัฒนาด้านแนวโน้มของสีแฟชั่นแต่ละประเทศหรือแต่ละฤดูกาลไม่เพียงพอ ซึ่งสีอ่อนหรือสีเย็นออกไปทางสีหวาน รวมทั้งสีที่กลมกลืนกับธรรมชาติเช่น สีต้นไม่ ใบไม้ ดอกไม้ เป็นต้น จะได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเป็นอย่างสูง ดังนั้น การผลิตผลิตภัณฑ์จากผ้าทอมือจึงควรดูแนวโน้มของตลาดและแนวโน้มของสีแฟชั่นต่างๆ ควรเรียนรู้เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สนองต่อความต้องการของตลาดในปัจจุบัน |
ช่องทางการจำหน่าย |
การจำหน่ายส่วนใหญ่จะมีพ่อค้าคนกลางไปรับถึงชุมชนที่ผลิตผ้าทอมือ บางกลุ่มต้องจัดส่งสินค้าให้ลูกค้า ขึ้นอยู่กับข้อตกลงซื้อขาย ในปัจจุบันตลาดผ้าทอมือมีอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อหาได้โดยง่ายเป็นการเข้าถึงลูกค้าโดยตรง ผลิตภัณฑ์ผ้าทอมือบางกลุ่มผู้ผลิต มีการจัดวางสินค้าหน้าร้านเพื่อดึงดูดสายตาและเป็นจุดสนใจแก่ผู้พบเห็น ตลาดที่สามารถส่งสินค้าในประเทศได้ เช่น ตลาดนัดสวนจตุจักร ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ตลาดไนท์พล่าซ่า ตลาดสำเพ็ง โบ๊เบ๊ ประตูน้ำ เป็นต้น นอกนั้นจะเป็นกลุ่มผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์จากผ้าทอมือซึ่งมีตลาดที่ต้องการสินค้าประเภทกล่องผ้าเพื่อทำเป็นบรรจุภัณฑ์ เช่น ญี่ปุ่น ฮ่องกง ยุโรป เป็นต้น |
ตลาดการซื้อขายผลิตภัณฑ์ผ้าทอมือของไทยยังมีอนาคตไกลถ้ารัฐบาลให้การสนับสนุน รวมทั้งประชาชนคนไทยที่ต้องหันสนับสนุนสินค้าไทยเพื่อให้เงินหมุนเวียนภายในประเทศและยังช่วยส่งเสริมให้คนในชุมชนห่างไกลที่ผลิตสินค้างานฝีมือเหล่านี้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น
แหล่งที่มา : http://www.thaitextile.org/dataarticle/weave.htm |